เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักทัวร์เกาหลีว่าประเทศเกาหลีมีพระราชวังโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และเต็มไปด้วยกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์อยู่ด้วยกัน 5 พระราชวังซึ่งแต่พระราชวังนั้นก็มีประวัติความเป็นมาแตกต่างกันไปชวนให้คนที่ไปทัวร์เกาหลีอยากไปสัมผัสกันทั้งสิ้นดังนั้นในวันนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวของพระราชวังคยองบก พระราชวังที่ได้ชื่อว่าพระราชวังที่ได้รับการอวยพรจากสรวงสวรรค์ พระราชวังคยองบกมีชื่อเดิมว่า “พระราชวังทางเหนือ”เพราะตั้งอยู่ทางทิศเหนือเมื่อเปรียบเทียบกับที่ตั้งของพระราชวังอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ที่ตั้งของพระราชวังคยองบกมีภูเขาบุกอักอยู่ด้านหลัง มีถนนเซจงโนอยู่ด้านหน้า และมีประตูควางฮวามุนเป็นทางเข้าหลัก พระราชวังแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวคู่หน้าประวัติเกาหลีมาตลอด เคยถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดในระหว่างการรุกรานของญี่ปุ่นและถูกทิ้งร้างในสภาพเศษซากอยู่นานเกือบ 300 ปี ก่อนที่ผู้สำเร็จราชการแทวอนกุน (Daewongun) จะสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและซับซ้อนกว่าเดิมด้วยการสร้างอาคารกว่า 300 อาคาร และห้องอีก 5,000 กว่าห้อง และทำให้พระราชวังคยองบกเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่โดดเด่นของชนชาติเกาหลีและราชวงศ์เกาหลีสืบมา ปัจจุบันพระราชวังคยองบกได้รับการดูแลรักษาจากรัฐบาลเกาหลีให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุดโดยในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์เกาหลีมาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นคนที่ไปทัวร์เกาหลีด้วยตนเองหรือไปกับบริษัททัวร์ทำให้ในแต่ละปีมีรายได้จากการเก็บค่าเข้าชมเพื่อนำไปบูรณะพระราชวังได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งงบประมาณของรัฐบาลเลยครับ

การท่องเที่ยวฮ่องกง  เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกร่วมฉลองการมาถึงของฤดูหนาว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 มกราคม ศกหน้า โดยการแนะนำ “สถานที่ยอดเยี่ยม 10 แห่งสำหรับชมไฟประดับคริสต์มาส” ได้แก่ : ·      Centenary Garden ·      Avenue of Stars ·      Harbour City ·      อาคาร 1881 Heritage ·      Park Lane Boulevard ·      The Peak ·      Times Square ·      IFC Mall ·      Lan Kwai Fong ·      New Town Plaza, Shatin   และเส้นทางแนะนำสำหรับชมไฟประดับ ได้แก่ การนั่งรถบัสเปิดหลังคาชมย่านจิมซาโจ่ยอีสต์, ล่องเรือสตาร์เฟอร์รี่ชมอ่าวและแสงไฟของตึกระฟ้ารอบอ่าวแบบพาโนราม่า และเดินชมแสงไฟหลากสีในย่านจิมซาโจ่ย… Continue reading แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวในฮ่องกงสำหรับชมไฟประดับคริสต์มาส

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าการทำความสะอาดในชีวิตประจำวันนั้นอาจจะไม่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยหรือการทำงานในอาคารหรือโรงงานสูง ดังนั้นการทำความสะอาดพื้นที่สูงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้อาคารหรือโรงงานเหมาะกับการอยู่อาศัยหรือทำงานมากที่สุด วันนี้เราจึงมีข้อควรระวังและข้อควรคำนึงสำหรับการทำความสะอาดพื้นที่สูงด้วยตนเองมาฝากค่ะ           ระวังความสะอาด – การทำความสะอาดพื้นที่สูงนั้นย่อมทำให้สิ่งสกปรกที่ตกค้าง สะสม ในที่สูง หล่นร่วงลงมาเบื้อล่าง ดังนั้นก่อนทำความสะอาดพื้นที่สูงทุกครั้งจึงจำเป็นต้องมีการใช้ผ้าพลาสติกคลุมสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ที่อยู่ด้านล่างเพื่อป้องกันความสกปรกที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งต้องทำความสะอาดพื้นให้สะอาดทุกครั้งหลังทำความสะอาดพื้นที่สูง เพื่อไม่ให้เกิดความสกปรกซ้ำซาก เช่นการที่ไข่แมงมุมอาจจะร่วงลงบนพื้นและอาจจะมีโอกาสเติบโตขึ้นหากเราไม่ทำความสะอาดพื้นให้สะอาด           สารเคมี – การทำความสะอาดพื้นที่สูงนั้นย่อมต้องใช้สารเคมีในการขัดล้าง บางท่านอาจจะเลือกใช้สารเคมีกำจัดแมงมุมและสัตว์ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ดังนั้นก่อนจะทำความสะอาดพื้นที่สูง เราอาจจะต้องใสใจในการเลือกสารเคมีที่เหมาะสมกับสถานที่ที่เราจะใช่ เช่นหากเราต้องการทำความสะอาดบ้านหรือโรงงานที่มีคนอยู่อาศัย อาจจะต้องเลือกใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์อ่อนและสลายได้เร็วกว่าสารเคมีที่ใช้ทำความสะอาดในโกดัง           ความปลอดภัย –ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำความสะอาดพื้นที่สูง โดยเฉพาะการเช็ดล้างโครงหลังคา ซึ่งต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ปฏิบัติงาน เช่นบันไดที่ใช้ในการขึ้นโครงหลังคาต้องมีความแข็งแรง พื้นต้องไม่ลื่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องได้รับการดูแลให้ใช้งานได้ดีอยู่สม่ำเสมอ           ปรกติการทำความสะอาดพื้นที่สูงด้วยตนเองนั้นจะทำในพื้นที่สามารถเอื้อมถึงเท่านั้น หากสถานที่ของคุณเกินมือเอื้อม ลองใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดพื้นที่สูง ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสี่ยงในการทำความสะอาด แถมยังมีทักษะในการทำงานที่สะอาดและรวดเร็วอีกด้วยค่ะ

              การดำเนินงานบำรุงรักษาเครื่องจักรภายในโรงงานนั้น  การจัดการด้านอะไหล่เครื่องจักรถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานภายในโรงงานนั้น ซึ่งกล่าวได้ว่า การดำเนินงานด้านเครื่องจักรกลจะมีคุณภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่ออะไหล่เครื่องจักรอยู่ในสภาพพร้อมทำงาน ซึ่งนั่นเท่ากับว่าถ้าทำให้เกิดการหยุดบำรุงรักษาให้น้อยที่สุด ก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อโรงงานนั่นเอง                จะอย่างไรเสียเครื่องจักรภายในโรงงานจะมีความพร้อมในการทำงานสูงหรือต่ำ นั้นก็มีเหตุผลอื่นๆมาเป็นปัจจัยอีกด้วย แต่ปัจจัยหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญก็คือระยะเวลาในการบำรุงรักษา ไม่ได้หมายความว่าบ่อยแค่ไหน แต่กำลังหมายถึงว่า ทุกๆโรงงาน ต้องมีการบำรุงรักษาเครื่องจักรภายในโรงานของตนเองอยู่แล้ว แต่ ระยะเวลาในการบำรุงรักษาแต่ละครั้งนั้น ควรจะมีความรวดเร็ว เพราะถ้าใช้เวลาในการบำรุงรักษาเครื่องจักรน้อย ก็จะทำให้มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น  สิ่งสำคัญที่จะทำให้มีการบำรุงรักษาได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือจะต้องมีช่างที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญ รวมไปถึงมีเครื่องมือที่เหมาะสม ในการดูแลรักษา อีกทั้งยังต้องมีอะไหล่เครื่องจักร ที่มีความพร้อมเพื่อใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักรนั้น เพื่อเพิ่มความพร้อมในการปฏิบัติงานบำรุงรักษาเครื่องจักรภายในโรงงาน สามารถปฏิบัติงานให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง                อย่างไรก็ตาม ในโรงงานอาจเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเกิดปัญหาต่างๆด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ความชำนาญต่อเครื่องจักรนั้นๆ หรือแม้กระทั่งมีอุปกรณ์ซ่อมบำรุงอย่างดี แต่ก็อาจจะลืมไปว่า บางครั้ง อะไหล่เครื่องจักรนั้น  ก็ควรที่จะต้องคิดว่ามีความสำคัญในงานซ่อมบำรุงด้วยเช่นกัน

           พลเมืองในพื้นที่กรุงเทพที่ต้องออกไปผจญการจราจรเพื่อไปให้ถึงที่ทำงานในทุกๆเช้า ล้วนแล้วต้องโดยสารโดยรถยนต์แทบทั้งนั้น บ้างอาจจะใช้ขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากรถยนต์ อาทิเช่น รถไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เป็นต้น แต่นับได้ว่าการจราจรบนท้องถนนที่หนาแน่นในทุกๆ เช้า ก็เกิดมาจาก รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นเสียจำนวนมาก แน่นอนว่าปัญหาการจราจร ในทุกๆวัน อาจเกิดจากปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน เข้ามามีส่วนด้วย เพราะในเดี๋ยวนี้ ผู้มีรถยนต์บางส่วน ขาดความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดของกฎจราจรอย่างถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาจราจรขึ้นบนท้องถนน             อีกทั้ง หลายท่านยังใช้สัญญาณต่างๆภายในรถยนต์ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟฉุกเฉิน ที่ถูกนำมาใช้กันแบบผิดประเภทอยู่เสมอๆ ซึ่งไฟฉุกเฉินนั้น การใช้งานก็ตามดังชื่อบอกไว้แล้ว รวมความว่าใช้เมื่อยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อรถยนต์คันนั้น ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ โดยมุ่งเน้นที่จะระบุให้คันอื่นทราบว่ารถเราเสียและต้องจอดขวางเส้นทางอยู่ หรือต้องจอดอยู่เฉยๆ หรือรอความเอื้อเฟื้อ หรือจำเป็นต้องจอดเพื่อดูแลซ่อมแซมอยู่ ก็จึงเปิดไฟฉุกเฉินไว้ เพื่อให้รถคันอื่นได้รับทราบว่าได้เกิดเหตุบางอย่างขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ตัวผู้ขับขี่เองและ บุคคลอื่นๆ ที่ใช้พื้นการจราจรบนท้องถนนอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ            ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ต้องพึงสังเกตมากที่สุดคือ สัญญาณไฟฉุกเฉินนั้น มักจะถูกนำไปใช้ในขณะที่รถวิ่งอยู่บนถนนหนทาง ซึ่งอันที่จริงแล้ว สัญญาณไฟฉุกเฉินนี้ ตามความเป็นสากลนั้นคือเราจะใช้ก็ต่อเมื่อรถยนต์คันนั้นได้จอดอยู่กับที่ ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์จำเป็นที่ต้องรู้กฎจราจรอย่างถูกต้อง ทั้งวิธีการขับขี่และการให้สัญญาณไฟให้เป็นสากล การจราจรบนท้องถนนก็จะไม่เป็นอันตรายทั้งกับตัวผู้ขับขี่เองและเพื่อนร่วมทาง รวมถึงผู้ใช้เส้นทางจราจรร่วมกัน