พลเมืองในพื้นที่กรุงเทพที่ต้องออกไปผจญการจราจรเพื่อไปให้ถึงที่ทำงานในทุกๆเช้า ล้วนแล้วต้องโดยสารโดยรถยนต์แทบทั้งนั้น บ้างอาจจะใช้ขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากรถยนต์ อาทิเช่น รถไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เป็นต้น แต่นับได้ว่าการจราจรบนท้องถนนที่หนาแน่นในทุกๆ เช้า ก็เกิดมาจาก รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นเสียจำนวนมาก แน่นอนว่าปัญหาการจราจร ในทุกๆวัน อาจเกิดจากปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน เข้ามามีส่วนด้วย เพราะในเดี๋ยวนี้ ผู้มีรถยนต์บางส่วน ขาดความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดของกฎจราจรอย่างถูกต้อง ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาจราจรขึ้นบนท้องถนน อีกทั้ง หลายท่านยังใช้สัญญาณต่างๆภายในรถยนต์ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟฉุกเฉิน ที่ถูกนำมาใช้กันแบบผิดประเภทอยู่เสมอๆ ซึ่งไฟฉุกเฉินนั้น การใช้งานก็ตามดังชื่อบอกไว้แล้ว รวมความว่าใช้เมื่อยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อรถยนต์คันนั้น ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ โดยมุ่งเน้นที่จะระบุให้คันอื่นทราบว่ารถเราเสียและต้องจอดขวางเส้นทางอยู่ หรือต้องจอดอยู่เฉยๆ หรือรอความเอื้อเฟื้อ หรือจำเป็นต้องจอดเพื่อดูแลซ่อมแซมอยู่ ก็จึงเปิดไฟฉุกเฉินไว้ เพื่อให้รถคันอื่นได้รับทราบว่าได้เกิดเหตุบางอย่างขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ตัวผู้ขับขี่เองและ บุคคลอื่นๆ ที่ใช้พื้นการจราจรบนท้องถนนอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ต้องพึงสังเกตมากที่สุดคือ สัญญาณไฟฉุกเฉินนั้น มักจะถูกนำไปใช้ในขณะที่รถวิ่งอยู่บนถนนหนทาง ซึ่งอันที่จริงแล้ว สัญญาณไฟฉุกเฉินนี้ ตามความเป็นสากลนั้นคือเราจะใช้ก็ต่อเมื่อรถยนต์คันนั้นได้จอดอยู่กับที่ ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์จำเป็นที่ต้องรู้กฎจราจรอย่างถูกต้อง ทั้งวิธีการขับขี่และการให้สัญญาณไฟให้เป็นสากล การจราจรบนท้องถนนก็จะไม่เป็นอันตรายทั้งกับตัวผู้ขับขี่เองและเพื่อนร่วมทาง รวมถึงผู้ใช้เส้นทางจราจรร่วมกัน